นางฟ้าไตรกีฬาสาวจีน เจอดราม่าจับผิดชุดแข่งเว้าสูง

เฟิงจิงช่วง หรือ อาช่วง สาวนางฟ้านักไตรกีฬาจีนวัย 24 ถูกชาวเน็ตดราม่า “ชุดแข่งเว้าสูง” เจ้าตัวต้องโร่อััดคลิปอธิบายเป็นชุดที่ได้รับการยอมรับในสากล นักแข่งอาชีพสวมใส่
เป็นข่าวร้อน วงการโซเชียลแดนมังกรที่หลายคนสนใจมากทีเดียว เมื่อ เฟิงจิงช่วง (Feng Jingshuang) หรือ “อาช่วง” นางฟ้านักไตรกีฬาสาวชาวจีน วัย 24 ปี เจอกระแสวิจารณ์ถึงชุดการแข่งขันที่ใช้ลงทำการแข่งในทัวร์นาเมนต์ไตรกีฬารายการใหญ่ของจีน Beijing-Tianjin-Hebei Triathlon 2022
รายการดังกล่าว อาช่วง สาวน้อยนักไตรกีฬาที่มียอดผู้ติดตามทางบัญชีโซเชียลกว่าแสนคน สามารถเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3 ของรายการ คว้าเหรียญทองแดงอีเวนต์ไตรกีฬาระดับประเทศมาครอง
แต่ภายหลังจบการแข่งขันแทนที่จะได้เห็นเสียงชื่นชมในความสำเร็จนี้ เรื่องกลับกลายเป็นว่า มีกลุ่นคนไปจับผิดจับจ้องอยู่แต่กับ ชุดใส่แข่งการแข่งขันกีฬา 3 ประเภท ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน วิ่ง แบบต่อเนื่องกัน ของเธอเสียแบบนั้น
โดยชุดแข่ง เฟิงจิงช่วง หรือ อาช่วง” เป็นชุดว่ายน้ำไฮคัท หรือที่หลายคนคุ้นหูกับคำว่า ชุดว่ายน้ำเว้าสูง โดยมีคนมองว่ามันไม่เหมาะสม

ชาวเน็ตแห่วิจารณ์ โป๊จนเกินงามหรือไม่ จน อาช่วง สาวนักไตกีฬา ต้องอัดคลิปชี้แจงผ่าน Douyin โซเชียลมีเดียของจีน โดยระบุว่า
ชุดที่ใส่แข่งรายการ Beijing-Tianjin Ironman Triathlon ทัวร์นาเมนต์ไตรกีฬาเพิ่งจบลงไปนั้น ชุดดังกล่าวที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในระดับสากล เป็นชุดสำหรับนักกีฬาอาชีพส่วนมากสวมใส่

สาวไตรกีฬาที่คว้าอันดับ 3 ในทัวร์นาเมนต์ที่ก่อเกิดดราม่าชุดแข่งเจ้าปัญหา อธิบายถึงรายละเอียดของชุดแข่งไตรกีฬาแบบเว้าสูงของเธอนี้ ชุดแข่งจะมี 2 แบบ
- แบบขาสั้น
- แบบไฮคัท (เว้าสูง)
อาช่วง กล่าวว่า ชุดทั้งสองแบบก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการแข่งขันที่ต้องใช้พละกำลังทั้งการ วิ่ง ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ แตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม สาวน้อยน่ารักคนชื่นชอบการแข่งขัน กล่าวยอมรับ ว่าตัวเธอก็เข้าใจดีว่า กีฬาประเภทนี้ ไม่ได้เป็นที่นิยมและสนใจมากนักในจีน ทำให้จึงอาจไม่คุ้นเคยกับชุดกีฬาที่ดูจะเปิดเผยเท่านี้มากนัก
แต่ เฟิงจิงช่วง นักไตรกีฬาหญิง วัย 24 ปี ก็เปิดใจทิ้งท้ายว่า ทิ้งอย่างไรก็ตาม ตัวเธอก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไตรกีฬาเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศ






ขอบคุณภาพ : 极致玩家-阿爽
อ้างอิงข้อมูล : sohu.com
ติดตาม The Thaiger บน Google News: