
“แสงกระสือ” หนังรักแฟนตาซีที่ฉาบหน้าด้วยภาพของ(หนัง)ผี #รีวิวแสงกระสือ
“สัตว์ประหลาดมันก็มีหัวใจ”
ประโยคนี้ของสายในตัวอย่างหนังสะท้อนเรื่องราวและธีมของ “แสงกระสือ” ได้ดีที่สุด ภาพของหญิงสาวที่มีแต่หัวกับเครื่องใน ส่องแสงเรืองวาบกลางค่ำคืน ลอยไปมาสร้างความขวัญผวาให้กับชาวบ้าน กริ่งเกรงว่าตับใตไส้พุงของสัตว์เลี้ยงจะโดนจกกิน ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือมันจะมาจกไส้คน
เรื่องราวความพรั่นพรึงของผีในตำนานเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งนอกพระนคร เวลาตามท้องเรื่องไม่ระบุชัดหากเข้าใจว่าเป็นช่วงสมัยสงครามโลก น้อย (โอบ โอบนิธิ) เจิด (เกรท สพล) สาย (มินนี่ ภันธิรา) เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก และการเที่ยวเล่นไปตามประสานำไปสู่เรื่องเลวร้ายติดตัวสายไปจนตอนโตเป็นสาว นำโศกนาฏกรรมมาให้ทั้งตัวเองและหมู่บ้าน โดยมีปมรัก 3 เศร้าเป็นตัวขับเคลื่อนเส้นเรื่องหลัก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการให้ภาพมุมมองของกระสือในรูปแบบใหม่และขยายกว้างมากขึ้น โดยผูกกับตำนานเรื่องเล่าที่นับว่าพล็อตแข็งแรงในระดับหนึ่ง ผู้ชมจะรับรู้ถึงความรู้สึก อารมณ์ของกระสือ ตอกย้ำภาพที่ว่า “สัตว์ประหลาด” ต่างจากคนแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่พวกมันก็มีความรู้สึก ความรัก โกรธ เศร้า เหมือนคน บทพยายามเล่าให้กระสือเป็นอมนุษย์ ไม่ใช่ผีที่คอยหลอกหลอนคน ความน่ากลัวตลอดเรื่องจึงไม่มีฉากตุ้งแช่ สะดุ้งตกใจให้เห็น
อารมณ์ของภาพยนตร์ถูกกล่อมเร้าด้วยเพลงบรรเพลงซึ่งดังตลอดทั้งเรื่อง แทบไม่มีหยุดพัก ส่วนดีคือดนตรีช่วงโหมระทึกบิ๊วอารมณ์น่ากลัวได้ดีมาก แต่ขัดใจในหลายจุดช่วงแรกที่ดนตรี “ดีเลย์” จนรู้สึกรำคาญ เพราะในบางฉากควรเงียบกลับไม่เงียบ ทว่าเมื่อถึงฉากที่ต้องการความน่ากลัว ดนตรีก็สามารถโหมระทึกจนเอาใจสั่นระทึกได้เลย
ความโดดเด่นประการหนึ่งของแสงกระสือคือเทคนิกด้านงานภาพ CG ที่ถือว่าทำได้เนียนตาเกินมาตรฐานหนังไทย (ด้วยทุนสร้างเพียง 40 ล้านบาท) ฉากกระสือถอดหัวทั้งทำได้หน้ากลัวและตื่นตาตื่นใจไปพร้อมกัน เฉพาะอย่างยิ่งฉากไคล์แมกซ์ท้ายเรื่อง ตัวหนังมีความทะเยอทะยานพาผู้ชมไปไกลกว่าแค่หนังผีหรือหนังรักปกติ แต่บทที่ดีจะถ่ายทอดออกมาไม่สมบูรณ์เลย หากขาดงานภาพที่ดี ซึ่ง CG ในตอนจุดไคลแมกซ์ตอบสนองต่อบทได้ค่อนข้างดีมาก (ยกเว้นฉากจบของเรื่องที่มีบาดแผลใหญ่อยู่เช่นกัน)
ภาพ : Soft Light is Hard – DP
ด้านการแสดง นักแสดงหลักทั้ง 3 คนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ จะมีก็แต่โอบนิธิคนเดียวที่ผ่านงานแสดงมาช่ำชองมากที่สุด ถึงกระนั้นความโดดเด่นที่ฉายชัดออกมาจนรู้สึกร่วมไปกับชะตากรรมอันแสนเศร้าของเจิด นั่นคือการแสดงของ เกรท สพล พระเอกเลือดใหม่ของช่อง 7HD ถือว่ามีแววและสามารถไปได้ไกลแน่นอน เช่นเดียวกับ มินนี่ ภันธิรา ไม่แปลกใจทำไมสองหนุ่มถึงตกหลุมรัก รักจนก้าวข้ามลักษณะทางกาย รักในก้นบึ้งเนื้อแท้ของจิตใจ
ส่วนบาดแผลหรือจุดด้อยที่เห็นชัดที่สุดของแสงกระสือ คงจะเป็นบทในบางตอนบางเหตุการณ์ที่ดูไม่สมเหตุสมผล คนดูคิดในใจว่าตัวละครเฉลียวฉลาดหรือคิดสักนิด เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
สุดท้ายโดยรวมแล้วแสงกระสือจัดเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพเรื่องหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่โปรแกรมฉายผ่านมาสัปดาห์แล้ว แต่รายได้กลับไม่พุ่งแรงเหมือนกระแสคำวิจารณ์ น่าเป็นห่วงแทนผู้สร้างหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ว่าจะถอดใจ ไม่กล้าทำหนังแปลกใหม่ ฉีกแนว แล้วหันกลับไปสู่วังวนหนังตลก พระ ผี แบบเดิมๆ
แสงกระสือถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของวงการณ์ภาพยนตร์ไทย ที่คนไทยควรไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่การอุดหนุนหนังไทย แต่เป็นการอุดหนุน “หนังดี” ให้มีที่ยืน มีโอกาสอยู่รอดบนถนนจอเงินที่นับวันจะหดหายหรี่แคบลงทุกที
อินทราวุธ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: